แตงโม กับ 9 ประโยชน์สุดเริ่ด ! แตงโมหวานฉ่ำ อีกหนึ่งวิธีคลายความร้อนที่นิยมเป็นอย่างมาก การทานแตงโมแบบเย็นๆ ฉ่ำๆ นับว่าเนอีกวิธีที่ช่วยได้ดีเลยทีเดียว เพราะเป็นการลดอุณหภูมิความร้อนจากภายใน ซึ่งนอกจากการทานแตงโมแบบสดๆ แล้วยังสามารถนำมาเป็นเครื่องดื่ม หรือท็อปปิ้งกินคู่กับไอศกรีมเย็นๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการกิน สร้างความหลากหลาย ให้กับทุกๆ เมนูได้อย่างสร้างสรรค์ แต่ก่อนที่จะกินให้ฉ่ำไปถึงหัวใจกันนั้นไปทำความรู้จักกับ ประโยชน์สุดเริ่ดของเจ้าแตงโมกันก่อนดีกว่าว่าสามารถช่วยบำรุงสุขภาพของเราในด้านไหนบ้าง

ผลไม้หน้าร้อนที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นที่ทานเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น ซึ่งสารอาหารในแตงโมนี้มีมากมายจนเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียวเพราะแค่ทานในปริมาณ 1 ถ้วยต่อวัน ก็สามารถทำให้เราได้รับสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้อย่างเต็มเปี่ยม ดังนี้
- พลังงาน 46 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม
- ไฟเบอร์ 6 กรัม
- แคลเซียม 8 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 9
- แมกนีเซียม 4 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 172 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 5 มิลลิกรัม

นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปีน โคลีน ที่อยู่ในแตงโม และเข้าไปช่วยปรับความสมดุล บรรเทาอาการโรคต่างๆ ช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรงขึ้นอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ ดังนี้
1.ป้องกันโรคหอบหืด
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า อนุมูลอิสระมีส่วนที่ทำให้คุณสามารถป่วยเป็นโรคหอบหืดได้ การที่ทานแตงโมเข้าไปจะทำให้สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี เข้าไปช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระตุ้นอาการใดๆ แทรกซ้อนได้เพิ่มเติม และลดโอกาสที่ทำให้คุณป่วยอยู่ในภาวะหอบหืดได้
2.ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (The National Cancer Institute (NCI) พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในแตงโมช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่อาจก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ พร้อมทั้งมีไลโคปีนที่ยับยั้งความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกเช่นกัน
3.บำรุงสมอง และระบบประสาท
การรับประทานแตงโมที่เพียงพอต่อวันเป็นประจำ อาจช่วยให้คุณมีความจำที่ดีขึ้น มีการพัฒนาของสมองด้านการเรียนรู้ และยังรักษาโครงสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ จากโคลีนที่เป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในแตงโม แต่ถึงอย่างไรยังไม่มีหลักฐานเพียงพอถึงการรับประทานแตงโมเพื่อชะลอการลุกลามของโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้
4.บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
ด้วยแตงโมเป็นผลไม่ที่มีน้ำเยอะถึง 90% จึงทำให้ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายมาหนักๆ ได้ ในการศึกษาปี 2017 ได้ทดสอบให้นักกีฬาดื่มน้ำผลไม้ก่อนการแข่งขัน 2 ชั่วโมง โดยผู้ดื่มรายงานว่า อาการปวดกล้ามเนื้อนั้นบรรเทาลง และดีขึ้นกว่าเดิม
5.เพิ่มประสิทธิภาพด้านการมองเห็น
ไลโคปีนที่ถูกค้นพบอยู่ในผลแตงโม มีส่วนช่วยให้ดวงตาของเรามีการทำงานที่ดี ลดการอักเสบ และป้องกันการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาตามการใช้งาน หรือช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ตาของคุณบอดได้
6.บำรุงผิว และเส้นผม
วิตามินเอ วิตามินซี ที่อยู่ในแตงโม มีความสามารถในการสร้างคอลลาเจน ที่เป็นโปรตีนส่งเสริมให้เส้นผมของคุณดูสุขภาพดีแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย และเพิ่มความอ่อนนุ่มให้แก่ผิวของคุณดูชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ไม่แห้งกร้าน หรือแตกเป็นขุย จนทำให้คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ
7.ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น
แตงโมมีสารซิตรัลลีน (citrulline) อยู่มาก โดยสารนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ทั้งนี้ในการรับประทานแตงโมไม่ใช่เพียงจะดื่มน้ำแตงโมอย่างเดียว เราควรกินเนื้อแตงโมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวาน แต่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย
8.ช่วยป้องกันการติดเชื้อ
การดื่มน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มเบต้าแคโนทีน (Beta Carotene) ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ในการสร้างวิตามินเอ หากร่างกายมีวิตามินเอในปริมาณมากๆ จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย
9.ลดและผ่อนคลายความเครียดด้วยแตงโม
การรับประทานแตงโมสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ เพราะสารโพแทสเซียมในแตงโมจะช่วยควบคุมความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี เย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
นอกจากนี้เปลือกขาวๆ ของแตงโมยังมีสารสำคัญอีกอย่างคือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งในเนื้อแตงโมก็มีสารนี้นะ แต่มีน้อยกว่าที่เปลือกแตงโมมี โดยซิทรูไลน์เองจะทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ในร่างกายทำให้เกิดกรดอะมิโนอาร์จินีน (กรดอะมิโนที่มีประโยชน์) ขึ้นมา ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นทำให้หลอดเลือดคลายตัวและทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมล้างและทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนรับประทาน
ความเสี่ยงของการรับประทานแตงโมมากเกินควร
การรับประทานแตงโมที่พอดีควรทานอยู่ในปริมาณ 1 ถ้วยต่อวัน หรือในปริมาณ 154 กรัม จึงจะพ้นจากความเสี่ยง และไม่มีอันตรายใดๆ ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจมีผลกระทบต่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน และโรคภูมิแพ้ ที่ส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นโรคลมพิษ และระบบทางเดินหายใจมีปัญหา หรือหายใจลำบาก
การทานแตงโมหวานๆ เย็นๆ นอกจากจะช่วยให้คลายร้อนได้แล้วยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายแก่ร่างกายของเราอีกด้วย เนื่องจากมีสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาบของเรามากพอสมควร แต่อย่าลืมว่าควรทานแต่พอดี ไม่ทานเยอะจนแน่นท้องล่ะ
ช่วงนี้เกิดโรคระบาดของโควิด 19ถ้า อยู่บ้านไม่อยากไปไหน แนะนำ 4 เกมที่จะทำให้คุณหายเบื่อไปได้เลย!สำหรับชาวเกมเมอร์อย่างเราๆ แล้ว ถ้าออกไปข้างอาจจะเบื่อรถติดในวันหยุดที่คนต่างเดินทางไปพักผ่อนพักกัน แล้วเราจะมีอะไรให้ทำซะอีกนอกจากการหมกตัวอยู่บ้าน อยู่ห้อง เพื่อเล่นเกม